นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้า
บริษัท เจอาร์ เอฟ แอนด์ บี จำกัด (“บริษัท”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในฐานะคู่ค้าและคู่ค้าที่คาดหวังของบริษัท โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้านี้จะอธิบายถึงแนวทางปฏิบัติและวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิอื่น ๆ ของเจ้าของข้อมูลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)
แหล่งที่มาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับโดยตรงจากคุณ ดังต่อไปนี้
- – แบบฟอร์มประเมินการจัดซื้อจัดจ้าง
- – ขั้นตอนการประเมินการจัดซื้อจัดจ้าง
- – แบบฟอร์มใบสมัครคู่ค้า
- – การนำส่งเอกสารประกอบการประเมินการจัดซื้อจัดจ้าง
- – การส่งข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของบริษัท
- – การติดต่อสื่อสารบริษัทผ่านช่องทางโทรศัพท์
- – การติดต่อสื่อสารบริษัทผ่านช่องทางอีเมล
- – การติดต่อสื่อสารบริษัทผ่านช่องทางไปรษณีย์
- – Google login
- – LINE login
- – LinkedIn login
- – Facebook login
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่สามารถเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น โปรแกรมค้นหา (Search engine) โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์สาธารณะ เว็บไซต์ของบริษัทอื่น หน่วยงานของรัฐ บุคคลภายนอก บุคคลอ้างอิง เป็นต้น
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง วันเดือนปีเกิด สัญชาติ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง สถานภาพการสมรส สถานภาพทางทหาร รูปถ่าย เป็นต้น
ข้อมูลติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร อีเมล เป็นต้น
ข้อมูลบัญชี เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน เป็นต้น
ข้อมูลทางการเงินและธุรกรรม เช่น บัญชีธนาคาร งบการเงิน ประวัติการทำธุรกรรม เป็นต้น
ข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ เช่น ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของยานพาหนะ อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ เป็นต้น
หลักฐานการยืนยันตัวตน เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง เป็นต้น
ข้อมูลทางเทคนิค เช่น IP address, Cookie ID, ประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Activity Log) เป็นต้น
ข้อมูลการบันทึกภาพหรือวิดีโอ เช่น การบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด เป็นต้น
ข้อมูลงานและทักษะ เช่น ใบอนุญาตทำงาน ประสบการณ์การทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำโครงการ เป็นต้น
ข้อมูลอื่น ๆ เช่น นามบัตร แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) บุคคลอ้างอิง ข้อมูลใด ๆ ที่คุณให้กับบริษัทในระหว่างกระบวนการประเมินคู่ค้า
ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่มีความจำเป็นต่อบริษัทในการใช้เพื่อพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างคู่ค้าหรือปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ หากคุณไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการประมวลผลใบสมัครคู่ค้าของคุณต่อไปได้
วิธีการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในรูปแบบเอกสารและรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคุณโดยใช้ระบบต่อไปนี้:
- – เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทในประเทศไทย
- – ผู้ให้บริการเซิร์ฟเวอร์บุคคลที่สามในประเทศไทย
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ :
- – การประเมินคู่ค้าและขั้นตอนในการสมัครเข้าเป็นคู่ค้า
- – การสร้างและจัดการบัญชีคู่ค้าในฐานข้อมูลของบริษัท
- – การปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาระหว่างคุณและบริษัท
- – การบันทึกภายในและการจัดการของบริษัท
- – ขั้นตอนการดำเนินการตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติของคู่ค้า
- – การตรวจสอบภายในหรือสอบสวนของบริษัท
- – การตรวจสอบความปลอดภัยในพื้นที่ของบริษัท เช่น การบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิดและการแลกบัตรประจำตัวประชาชนก่อนเข้าอาคารหรือบริเวณของบริษัท
- – เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งของหน่วยงานราชการ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะไม่ทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ผู้อื่น เว้นแต่ว่าได้รับความยินยอมจากคุณ
ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตราบเท่าที่คุณยังคงมีความสัมพันธ์ในฐานะคู่ค้าของบริษัทและเท่าที่มีความจำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เว้นแต่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตให้มีระยะเวลาเก็บรักษานานขึ้น บริษัทจะลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณไม่สามารถระบุตัวตนได้เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปหรือเมื่อหมดระยะเวลาในการเก็บรักษา
สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิของคุณภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 คุณมีสิทธิในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
- สิทธิขอถอนความยินยอม (right to withdraw consent) หากคุณได้ให้ความยินยอม บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่คุณให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น คุณมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา เว้นแต่จะถูกจำกัดโดยกฎหมายหรือคุณอยู่ภายใต้สัญญาที่ให้ประโยชน์ที่ได้ให้ความยินยอมไปก่อนหน้านี้
- สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (right to access) คุณมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่คุณ รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณมาได้อย่างไร
- สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (right to data portability) คุณมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติและมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
- สิทธิขอคัดค้าน (right to object) คุณมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่คุณสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลหรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์
- สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล (right to erasure/destruction) คุณมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวคุณได้ หากคุณเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อคุณได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
- สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล (right to restriction of processing) คุณมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของคุณ หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่คุณขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
- สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล (right to rectification) คุณมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- สิทธิร้องเรียน (right to lodge a complaint) คุณมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากคุณเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
คุณสามารถใช้สิทธิเหล่านี้ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยติดต่อบริษัทหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทตามรายละเอียดที่ระบุไว้ท้ายนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยบริษัทจะแจ้งผลการดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำขอใช้สิทธิจากคุณ ทั้งนี้ หากบริษัทปฏิเสธคำขอของคุณ บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้คุณทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย (หากมี)
การรักษาความมั่งคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไว้ตามหลักการ การรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย นอกจากนี้ บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control)
การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเกิดขึ้น บริษัทจะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้าภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของคุณ บริษัทจะแจ้งการละเมิดให้คุณทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย (หากมี)
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการประมวลผลข้อมูลของเรา โดยคุณสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์หรือการสื่อสารภายในบริษัท
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก้ไขล่าสุดและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2565
นโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์อื่น
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้สำหรับคู่ค้าและคู่ค้าที่คาดหวังของบริษัทเท่านั้น เว็บไซต์ใด ๆ จากโดเมนอื่น ๆ ที่พบในเว็บไซต์ของบริษัทจะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์นั้น ซึ่งบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
รายละเอียดการติดต่อ
หากคุณต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ รวมถึงการขอใช้สิทธิต่าง ๆ ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ คุณสามารถติดต่อบริษัทหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทได้ตามรายละเอียดดังนี้
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อ: บริษัท เจอาร์ เอฟ แอนด์ บี จำกัด
ที่อยู่: 50 ถนนร่มเกล้า คลองสามประเวศ ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520
เบอร์โทร: 02-9068899
อีเมล: pdpa@sccthailand.com
เว็บไซต์: www.mcgarrett.co.th
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อ: เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่อยู่: 50 ถนนร่มเกล้า คลองสามประเวศ ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520
เบอร์โทร: 02-9068899
อีเมล: pdpa@sccthailand.com